สาเหตุและกลไกการเกิดหลุมสิว – ทำความเข้าใจก่อนป้องกันอย่างถูกวิธี (H1)

ก.พ. 25, 2025 30 นาทีในการอ่าน

"ทำความเข้าใจสาเหตุและกลไกการเกิดหลุมสิว พร้อมวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงของรอยแผลเป็นจากสิวได้ตั้งแต่ต้น"

สาเหตุและกลไกการเกิดหลุมสิว – ทำความเข้าใจก่อนป้องกันอย่างถูกวิธี (H1)

หลุมสิว เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนกังวล เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนแล้ว ยังใช้เวลาฟื้นฟูค่อนข้างนาน บางกรณีอาจเป็นหลุมสิวถาวรหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

ก่อนที่จะหาวิธีรักษา เราต้องเข้าใจก่อนว่า หลุมสิวเกิดจากอะไร และมีปัจจัยอะไรที่ทำให้บางคนมีหลุมสิวง่ายกว่าคนอื่น

หลุมสิวเกิดจากอะไร? (H2)

หลุมสิวคือ แผลเป็นชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นหลังจาก สิวอักเสบทำลายเซลล์ผิว โดยเฉพาะสิวอักเสบที่รุนแรง หรือมีการติดเชื้อร่วม เช่น สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์

เมื่อสิวอักเสบหายไป ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายโดยใช้ คอลลาเจน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทน แต่ถ้าคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมา ไม่เพียงพอหรือไม่สมดุล อาจทำให้เกิด รอยบุ๋ม หรือที่เรียกว่าหลุมสิว ได้

ทำไมบางคนเป็นสิวเยอะ แต่ไม่เป็นหลุมสิวเลย? (H2)

บางคนแม้จะเป็นสิวหนัก แต่กลับไม่มีหลุมสิว ขณะที่บางคนมีเพียงไม่กี่เม็ดก็ทิ้งรอยหลุมสิวไว้ถาวร สิ่งที่ทำให้แต่ละคนมีความเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวไม่เท่ากัน มีดังนี้

1. ความรุนแรงของสิวอักเสบ (H3)

  • สิวอักเสบรุนแรงมาก มีโอกาสทำลายเซลล์ผิวลึกลงไป
  • หากมีการติดเชื้อรุนแรง จะทำให้เซลล์ผิวถูกทำลายมากขึ้น

2. พฤติกรรมการกดสิวผิดวิธี (H3)

  • การกดสิวเองหรือแคะ แกะ บีบสิวอย่างรุนแรง ทำให้รูขุมขนฉีกขาด
  • กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารอักเสบมากขึ้น ส่งผลให้ผิวถูกทำลายลึก

3. การซ่อมแซมผิวของร่างกาย (H3)

  • หากร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนมาซ่อมแซมผิวได้สมบูรณ์ ก็จะไม่เกิดหลุมสิว
  • แต่ถ้าคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมา ไม่สมดุล หรือมีปริมาณไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นยุบตัว

4. กรรมพันธุ์และปัจจัยทางพันธุกรรม (H3)

  • บางคนมีพันธุกรรมที่ทำให้เกิดแผลเป็นง่าย และซ่อมแซมเซลล์ผิวได้ช้ากว่าคนอื่น

กลไกการเกิดหลุมสิว (H2)

หลังจากที่เกิดสิวอักเสบ ร่างกายจะเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1. ระยะอักเสบ (H3)

  • เมื่อสิวเกิดการอักเสบ ร่างกายจะส่ง เม็ดเลือดขาว ไปกำจัดเชื้อโรค
  • หากสิวมีความรุนแรงมาก จะทำให้เซลล์ผิวโดยรอบเสียหาย

2. ระยะสมานแผล (H3)

  • ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย
  • ถ้าร่างกายผลิตคอลลาเจน มากเกินไป อาจทำให้เกิด แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar)
  • ถ้าผลิตคอลลาเจน ไม่พอ จะเกิดเป็น หลุมสิว (Atrophic Scar)

3. ระยะฟื้นฟูผิว (H3)

  • ผิวจะพยายามสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมา แต่หากกระบวนการนี้ ไม่สมบูรณ์ ก็จะทำให้เกิดรอยหลุมสิวถาวร

ปัจจัยที่ทำให้หลุมสิวลึกและรักษายากขึ้น (H2)

  • พฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจน เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ นอนดึก
  • พันธุกรรม มีเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนสูงกว่าคนอื่น
  • การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น ปล่อยให้สิวอักเสบเรื้อรัง ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

วิธีป้องกันหลุมสิวก่อนเกิดขึ้น (H2)

  • หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ บีบสิว ให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำ
  • รักษาสิวให้เร็วที่สุด ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบ เช่น Niacinamide, Centella Asiatica
  • เสริมคอลลาเจนให้ผิว เช่น อาหารโปรตีนสูง (ปลา ไข่ เนื้อสัตว์) และสกินแคร์ที่ช่วยสร้างคอลลาเจน (Retinol, Vitamin C)
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป

สรุป – ป้องกันหลุมสิวก่อนสายเกินไป (H2)

ปัจจัยที่ทำให้เกิดหลุมสิวแนวทางการป้องกัน
สิวอักเสบรุนแรงรีบรักษาสิวก่อนเกิดการอักเสบเรื้อรัง
แคะ แกะ บีบสิวหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิว และใช้ยาแต้มสิวแทน
พฤติกรรมทำลายคอลลาเจนนอนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์ และความเครียด
ไม่ทาครีมกันแดดปกป้องผิวจากรังสี UV ทุกวัน
พันธุกรรมดูแลผิวอย่างถูกวิธี และเสริมคอลลาเจนจากอาหารและสกินแคร์

การทำความเข้าใจ กลไกการเกิดหลุมสิว จะช่วยให้เรารู้วิธีป้องกันตั้งแต่ต้น หากคุณมีแนวโน้มเป็นหลุมสิวง่าย ควรดูแลผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดสิวอักเสบ และเสริมสร้างคอลลาเจนเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

รูปภาพจดหมายข่าว
ไอคอนหลัก
จดหมายข่าว

สมัครรับข่าวสารและโปรโมชันสุดพิเศษจาก Infresh

เมื่อกดปุ่มสมัคร แสดงว่าคุณยอมรับเงื่อนไขและข้อกำหนดของเรา